วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ร้านกาแฟcafe amazon เปิดรับพนักงาน part time จำนวนมาก

ร้านกาแฟ cafe amazon เปิดรับพนักงาน Part time จำนวนมาก ทำเป็นกะ มี3กะ/วันหมุนเวียนกันไป (กะเช้า 5.30-14.00น.กะสาย7.00-16.00น.และกะบ่าย 11.00-20.00น.)(พร้อมเริ่มงานทันที ที่สาขาศรีนครินทร์) ทดลองงาน3เดือน รับเป็นรายวัน หยุดอาทิตย์ละ1 วัน ผ่านงานรับเป็นเงินเดือนพร้อมเบี้ยขยันและรางวัลตามเป้าขาย ฯลฯ(8,500-10,000)#ไม่รับพิจารณาผู้ผิดนัดสัมภาษณ์# สนใจสมัคร




ร้านกาแฟ cafe amazon เปิดรับพนักงาน part time จำนวนมาก

จำนวนการรับสมัคร อัตรา : 2
เงินเดือน : ตามรายละเอียด
สวัสดิการ : รายได้ดี มีสวัสดิการ ตามความสามารถและประสบการณ์
คุณสมบัติผู้สมัคร :
1. หญิง อายุ18 -30 ปี
2. วุฒิม.3-ปวช.
3. บุคลิกดี ยิ้มแย้ม รักงานบริการ
4. ขยัน ซื่อสัตย์และมีความอดทน
5. ทำงานเป็นกะได้ พร้อมเรียนรู้งาน
6. ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ (ทางร้านมีการอบรมให้)
7. (กรุณามาตามวันเวลานัดหมายเมื่อบริษัทฯนัดสัมภาษณ์ด้วยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาสสำหรับท่านอื่นๆ)
สถานที่ปฏิบัติงาน
ปั้ม ปตท. ศรีนครินทร์ อยู่ใกล้กับซีคอนสแควร์ (โรงแรม โนโวเทล) จังหวัดกรุงเทพมหานคร
วิธีการรับสมัครงาน
สนใจโทรติดต่อ คุณปราณี 084-0159867
เมลล์ coffeerich2009@hotmail.
หรือมาสมัครที่ร้านพร้อมหลักฐานการสมัครงาน ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00น.(กรุณานัดล่วงหน้า)*
บริษัท คอฟฟี่ ริช 2009 จำกัด
ติดต่อ : คุณปราณี บัวขัน
321 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขต ประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250
โทรศัพท์ :084-0159867 Fax : 02-7473557

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน เป็นธุรกิจค้าปลีกภายใต้การดำเนินงานของ ปตท. ที่เปิดดำเนินการในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันมีร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ แบ่งการดำเนินธุรกิจออกเป็น 2 ประเภท คือ ร้านกาแฟที่ ปตท. ดำเนินธุรกิจเอง และร้านกาแฟที่เปิดขายแฟรนไชส์ให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจอยากทำธุรกิจร้านกาแฟ ภายใต้แบรนด์“คาเฟ่อเมซอน” ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจ ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ดังนั้น ปตท. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า ปตท. เปิดโอกาสให้กับประชาชนโดยทั่วไป มีสิทธิเป็นเจ้าของธุรกิจคาเฟ่อเมซอน มิใช่เฉพาะกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทั้งนี้ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน มีจุดมุ่งหมายที่จะส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคทุกคน
ประวัติความเป็นมาของกาแฟในปัจจุบัน กาแฟถือเป็นธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากธุรกิจน้ำมัน แต่กว่าที่จะพัฒนาและเป็นที่นิยม
ไปทั่วโลกนั้น มีใครพอจะรู้บ้างว่าจุดเริ่มต้นและความเป็นมาของกาแฟนั้นเป็นอย่างไรจริงๆ แล้ว ในอดีตเชื่อกันว่า กาแฟนั้นถูกค้นพบครั้งแรกโดยเด็กเลี้ยงแพะชาวอาบิสซีเนีย ที่ชื่อว่า คาลดี(Caldi)
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 จากการสังเกตพบว่าแพะที่ตนเองเลี้ยงดูกระปรี้กระเปร่าขึ้น เมื่อกินผลไม้ชนิดหนึ่งจากเอธิโอเปีย ซึ่งก็คือเมล็ดกาแฟนั่นเอง
จากนั้นไม่นาน กาแฟก็ได้แพร่หลายไปยังประเทศอิยิปต์และเยเมนในช่วงคริสต์ศตวรรษ 15 กาแฟก็ได้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วตะวันออกกลางรวมทั้ง
เปอร์เซีย ตุรกีและแอฟริกาเหนือ ส่วนร้านกาแฟแห่งแรก ถูกกำเนิดขึ้นในทวีปยุโรปที่ประเทศอิตาลี ในส่วนของกาแฟในประเทศไทยนั้น มีจุดเริ่มต้นจากคนไทยผู้ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามคนหนึ่ง ชื่อว่านายดีหมุน ได้มีโอกาสไปแสวงบุญณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาราเบีย และได้นำเมล็ดพันธุ์กาแฟมาเพาะปลูกที่บ้าน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ในปีพ.ศ.2447 ซึ่งเป็นสายพันธุ์โรบัสต้า สำหรับสายพันธุ์กาแฟนั้น ทั่วโลกมีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ แต่ในปัจจุบันเราบริโภคกันอยู่ 2 สายพันธุ์นั่นก็คือ สายพันธุ์อาราบิก้าและโรบัสต้า ซึ่งกาแฟทั้งสองสายพันธุ์นี้ มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องรสชาติและการปลูกเนื่องมา จากสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และปัจจัยอื่นๆอีกมากมายในการเพาะปลูก จึงทำให้รสชาติของกาแฟนั้นมีความหลาก หลายและสามารถเลือกบริโภคได้อย่างมากมาย ซึ่งสายพันธุ์อาราบิก้านั้นมีผลผลิตเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 75-80% ของการปลูกกาแฟทั่วโลก
ในปัจจุบัน ประเทศที่นับเป็นแหล่งผลิตกาแฟมากที่สุดในโลกนั่นก็คือประเทศบราซิล รองมาจากนั้นก็คือประเทศเวียดนามในเอเชียเรานั่นเอง ส่วนสถิติในการบริโภคกาแฟติดอันดับโลกโดยภาพรวม ก็คงไม่พ้นชนชาติอเมริกันซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีสถิติในการดื่มกาแฟมาก ที่สุดในโลก แต่ตามผลสำรวจที่ปริมาณการดื่มต่อวันในแต่ละคน ต้องยกให้ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งมีตัวเลขที่น่าสนใจอยู่ที่การบริโภคประมาณ 11-12 แก้วต่อวันต่อคนเลยทีเดียว รสชาติกาแฟถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้บริโภคคำนึงถึงเป็นอันดับแรกๆ เพราะแต่ละสไตล์การดื่มกาแฟของแต่ละคนนั้นต่างกัน ทำให้แต่ละร้านกาแฟต้องคิดถึงรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านตัวเอง ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าในแต่ละร้านเลือกใช้กาแฟสายพันธุ์อะไรมาเป็นองค์ประกอบ โดยเชิงพาณิชย์กาแฟที่นิยมบริโภคกันก็คือ สายพันธุ์อราบิก้า และสายพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งกาแฟ 2 สายพันธุ์นี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันหลายอย่าง ทั้งในเรื่องรสชาติ, ความหอม และปริมาณสารคาเฟอีน เรามารู้จักกาแฟ 2 สายพันธุ์นี้แบบง่ายด้วยตารางเปรียบเทียบ ดังตารางด้านล่างนี้ครับ
อราบิก้า
(Arabica) โรบัสต้า (Robusta)
ลักษณะของเมล็ด ยาวๆ รีๆ กลมๆ ป้อมๆ
กลิ่นหอม หอมนุ่ม เข้ม
ความเป็นกรดผลไม้ (Acidity) มีความเป็นกรดสูง
ทำให้มีรสติดเปรี้ยว ไม่มี
รสชาติ หวาน ละมุนลิ้น เข้ม มีความเป็นกาแฟสูงมาก
ปริมาณคาเฟอีน น้อยกว่าโรบัสต้า ค่อนข้างมาก
กาแฟสายพันธุ์อราบิก้านั้นถูกพบขึ้นที่ประเทศเอธิโอเปีย นิยมปลูกกันมากในระดับสูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 600-2000 เมตรในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ในแอฟริกาและเอเชีย ลักษณะเม็ดกาแฟจะทรงรีๆ ยาวๆ ส่วนในสายพันธุ์โรบัสต้านั้น นิยมปลูกกันในประเทศแทบแอฟริกาและเอเชีย(โดยเฉพาะอินเดียและอินโดนีเซีย) ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลจนถึง 600 เมตร โดยสังเกตได้
ประวัติความเป็นมาของกาแฟในปัจจุบัน กาแฟถือเป็นธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากธุรกิจน้ำมัน แต่กว่าที่จะพัฒนาและเป็นที่นิยม
ไปทั่วโลกนั้น มีใครพอจะรู้บ้างว่าจุดเริ่มต้นและความเป็นมาของกาแฟนั้นเป็นอย่างไรจริงๆ แล้ว ในอดีตเชื่อกันว่า กาแฟนั้นถูกค้นพบครั้งแรกโดยเด็กเลี้ยงแพะชาวอาบิสซีเนีย ที่ชื่อว่า คาลดี(Caldi)
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 จากการสังเกตพบว่าแพะที่ตนเองเลี้ยงดูกระปรี้กระเปร่าขึ้น เมื่อกินผลไม้ชนิดหนึ่งจากเอธิโอเปีย ซึ่งก็คือเมล็ดกาแฟนั่นเอง
จากนั้นไม่นาน กาแฟก็ได้แพร่หลายไปยังประเทศอิยิปต์และเยเมนในช่วงคริสต์ศตวรรษ 15 กาแฟก็ได้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วตะวันออกกลางรวมทั้ง
เปอร์เซีย ตุรกีและแอฟริกาเหนือ ส่วนร้านกาแฟแห่งแรก ถูกกำเนิดขึ้นในทวีปยุโรปที่ประเทศอิตาลี ในส่วนของกาแฟในประเทศไทยนั้น มีจุดเริ่มต้นจากคนไทยผู้ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามคนหนึ่ง ชื่อว่านายดีหมุน ได้มีโอกาสไปแสวงบุญณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาราเบีย และได้นำเมล็ดพันธุ์กาแฟมาเพาะปลูกที่บ้าน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ในปีพ.ศ.2447 ซึ่งเป็นสายพันธุ์โรบัสต้า สำหรับสายพันธุ์กาแฟนั้น ทั่วโลกมีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ แต่ในปัจจุบันเราบริโภคกันอยู่ 2 สายพันธุ์นั่นก็คือ สายพันธุ์อาราบิก้าและโรบัสต้า ซึ่งกาแฟทั้งสองสายพันธุ์นี้ มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องรสชาติและการปลูกเนื่องมา จากสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และปัจจัยอื่นๆอีกมากมายในการเพาะปลูก จึงทำให้รสชาติของกาแฟนั้นมีความหลาก หลายและสามารถเลือกบริโภคได้อย่างมากมาย ซึ่งสายพันธุ์อาราบิก้านั้นมีผลผลิตเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 75-80% ของการปลูกกาแฟทั่วโลก
ในปัจจุบัน ประเทศที่นับเป็นแหล่งผลิตกาแฟมากที่สุดในโลกนั่นก็คือประเทศบราซิล รองมาจากนั้นก็คือประเทศเวียดนามในเอเชียเรานั่นเอง ส่วนสถิติในการบริโภคกาแฟติดอันดับโลกโดยภาพรวม ก็คงไม่พ้นชนชาติอเมริกันซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีสถิติในการดื่มกาแฟมาก ที่สุดในโลก แต่ตามผลสำรวจที่ปริมาณการดื่มต่อวันในแต่ละคน ต้องยกให้ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งมีตัวเลขที่น่าสนใจอยู่ที่การบริโภคประมาณ 11-12 แก้วต่อวันต่อคนเลยทีเดียว รสชาติกาแฟถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้บริโภคคำนึงถึงเป็นอันดับแรกๆ เพราะแต่ละสไตล์การดื่มกาแฟของแต่ละคนนั้นต่างกัน ทำให้แต่ละร้านกาแฟต้องคิดถึงรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านตัวเอง ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าในแต่ละร้านเลือกใช้กาแฟสายพันธุ์อะไรมาเป็นองค์ประกอบ โดยเชิงพาณิชย์กาแฟที่นิยมบริโภคกันก็คือ สายพันธุ์อราบิก้า และสายพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งกาแฟ 2 สายพันธุ์นี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันหลายอย่าง ทั้งในเรื่องรสชาติ, ความหอม และปริมาณสารคาเฟอีน เรามารู้จักกาแฟ 2 สายพันธุ์นี้แบบง่ายด้วยตารางเปรียบเทียบ ดังตารางด้านล่างนี้ครับ

อราบิก้า
(Arabica) โรบัสต้า (Robusta)
ลักษณะของเมล็ด ยาวๆ รีๆ กลมๆ ป้อมๆ
กลิ่นหอม หอมนุ่ม เข้ม
ความเป็นกรดผลไม้ (Acidity) มีความเป็นกรดสูง
ทำให้มีรสติดเปรี้ยว ไม่มี
รสชาติ หวาน ละมุนลิ้น เข้ม มีความเป็นกาแฟสูงมาก
ปริมาณคาเฟอีน น้อยกว่าโรบัสต้า ค่อนข้างมาก
กาแฟสายพันธุ์อราบิก้านั้นถูกพบขึ้นที่ประเทศเอธิโอเปีย นิยมปลูกกันมากในระดับสูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 600-2000 เมตรในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ในแอฟริกาและเอเชีย ลักษณะเม็ดกาแฟจะทรงรีๆ ยาวๆ ส่วนในสายพันธุ์โรบัสต้านั้น นิยมปลูกกันในประเทศแทบแอฟริกาและเอเชีย(โดยเฉพาะอินเดียและอินโดนีเซีย) ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลจนถึง 600 เมตร โดยสังเกตได้ด้วยตาเปล่าแล้วจะเห็นว่าสายพันธุ์โรบัสต้า มีลักษณะกลมๆ ป้อมๆ และที่สำคัญสายพันธุ์โรบัสต้านั้นจะมีปริมาณสารคาเฟอีนที่มากกว่าสายพันธุ์ อราบิก้า แต่ละร้านกาแฟก็จะมีวิธีในการสร้างรสชาติกาแฟที่ไม่เหมือนกันเพื่อความเป็น เอกลักษณ์ของร้าน บางร้านก็จะนำกาแฟสายพันธุ์อราบิก้าในสัดส่วน 100% มาชงแต่บ้างร้านก็จะนำเอากาแฟทั้ง 2 สายพันธุ์มาผสมกัน ในสัดส่วนที่ต่างกันไป ก็จะทำให้เกิดความหลากหลายของรสชาติกาแฟซึ่งเราเรียกกันว่าการ Blend กาแฟนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อเราได้คุณภาพของเมล็ดกาแฟที่ดีมาแล้ว ในลำดับต่อไปก็จะขึ้นอยู่กับเทคนิคในการคั่วกาแฟว่าจะให้รสชาติหรือที่เรียก กันว่าคาแร็คเตอร์ (Character) ของกาแฟว่าจะให้ออกมาเป็นแบบใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Search